เตรียมเฮ ปรับเบี้ยเพิ่ม 3 กลุ่ม
ข่าวดีสำหรับกลุ่มเปราะบาง 3 กลุ่ม ได้แก่ เงินอุดหนุนเด็ก ตั้งแต่อายุครรภ์ 4 เดือน-6 ปี ให้คนละ 600บาท เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได เบี้ยความพิการ 1,000 บาทแบบถ้วนหน้า รายละเอียดดังนี้
เงินอุดหนุนเด็ก
แนวทางปรับฐานกลุ่มเป้าหมายโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เป็นการให้เงินอุดหนุนแบบถ้วนหน้า โดยไม่ต้องมีการคัดกรองรายได้ของครอบครัว (เดิมครัวเรือนต้องมีสมาชิกที่มีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี) เพื่อให้ครอบคลุมและทำให้เด็กได้รับความช่วยเหลือแบบถ้วนหน้า ไม่ตกหล่น และขยายอายุของเด็กให้ครอบคลุม เริ่มจากเด็กในครรภ์ตั้งแต่ 4 เดือน ถึง 6 ปี (เดิมตั้งแต่แรกเกิด ถึง 6 ปี) ได้รับเงินในอัตรา 600 บาท/คน/เดือน (เท่าเดิม) เพื่อเป็นหลักประกันว่าเด็กทุกคนจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม แม้ครอบครัวจะมีรายได้ลดลง
เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ กลุ่มผู้สูงอายุ ปรับเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได
อายุ 60-69 ปี เดือนละ 700 บาท
อายุ 70-79 ปี เดือนละ 850 บาท
อายุ 80-89 ปี เดือนละ 1,000 บาท
และตั้งแต่อายุ 90 ปีขึ้นไปเดือนละ 1,250 บาท
ทั้งนี้ เพื่อให้เพียงพอต่อค่าครองชีพของผู้สูงอายุในสถานการณ์ปัจจุบัน อีกทั้งมีการส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์ของชุมชน และส่งเสริมอาชีพและการจ้างงานผู้สูงอายุที่เหมาะสม
เบี้ยคนพิการ กลุ่มคนพิการ ปรับเบี้ยความพิการให้สอดคล้องกับค่าครองชีพเป็น 1,000 บาทแบบถ้วนหน้า โดยดำเนินการควบคู่ไปกับการนำคนพิการที่ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการ สามารถเข้าถึงสิทธิได้อย่างทั่วถึงเท่าเทียมและเป็นธรรม , การส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนพิการเพิ่มมากขึ้น และ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคนพิการ
โดยเบื้องต้น ครม. ได้เห็นชอบในหลักการ และได้มอบหมายให้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) และหน่วยงานเกี่ยวข้อง เร่งรัดดำเนินการในรายละเอียด โดยให้คำนึงถึงประโยชน์และความคุ้มค่า และให้นำกลับเข้าที่ประชุมครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบอนุมัติอีกครั้ง ดังนั้นในงวดเดือนธันวาคม 2567 นี้ เงิน 3 กลุ่มที่จะจ่ายให้ในวันที่ 9 ธันวาคม 2567 จะยังคงได้รับในอัตราเดิม ดังนี้
1.เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด 600 บาท
2.เบี้ยผู้สูงอายุ 600 – 1,000 บาท
-อายุ 60 – 69 ปี รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 600 บาท/เดือน
-อายุ 70 – 79 ปี รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 700 บาท/เดือน
-อายุ 80 – 89 ปี รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 800 บาท/เดือน
-อายุ 90 ปีขึ้นไป รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 1,000 บาท/เดือน
3.เบี้ยผู้พิการ 800 – 1,000 บาท
-อายุต่ำกว่า 18 ปี ได้รับเงินเบี้ยความพิการจาก อปท. 800 บาท/เดือน ได้รับเพิ่มอีก 200 บาท/เดือน รวม 1,000 บาท
-อายุ 18 ปีขึ้นไป ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้รับเงินเบี้ยความพิการจาก อปท. 800 บาท/เดือน และสามารถกดเพิ่มจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจนอีก 200 บาท/เดือน รวม 1,000 บาท/เดือน
-อายุ 18 ปีขึ้นไป แต่ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้รับเบี้ยความพิการจาก อปท. 800 บาท/เดือน ก็จะไม่มีสิทธิได้รับเพิ่มอีก 200 บาท/เดือน
แหล่งที่มา: https://www.siamnews.com/view-123944.html?fbclid=IwY2xjawG9CypleHRuA2FlbQIxMAABHYCm2mn1kGE-H0PPk2lDb-zi-Och4NSOzcGiLeTVm48v9KKKml1XqFfbMA_aem_yU_D1pbfGRSnNfT7Z1zuVw
ห้ามพลาด! 10 อันดับรถหรูในไทย ใครเห็นก็ต้องมอง
หากพูดถึงรถยนต์ในฝันแล้ว ใครหลายคนคงนึกถึงรถซุปเปอร์คาร์ หรือบรรดารถหรูชื่อดังมากมาย อาทิ Lamborghini, Ferrari, Porsche หรือ Rolls-Royce ซึ่งรถยนต์ของแต่ละค่ายต่างก็มีจุดเด่นและเอกลักษณ์มากมายที่ไม่เหมือนกัน โดยจะมีรุ่นไหนแบรนด์อะไรที่ได้รับความนิยมบ้างนั้น วันนี้ APRTECH ได้รวบรวม 10 อันดับรถหรูในไทยที่ใคร ๆ ต่างก็หลงใหล มาฝากทุกคนในบทความนี้แล้วครับ
10 อันดับรถหรูยอดนิยมในไทย
1. Mercedes-Benz
Mercedes-Benz เป็นแบรนด์รถหรูระดับตำนานจากประเทศเยอรมนี ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1886 โดย คาร์ล เบนซ์ และ กอตต์ลีบ ไดมเลอร์ ถือได้ว่าเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกของโลก เบนซ์มีชื่อเสียงด้านสมรรถนะ เทคโนโลยีล้ำสมัย และความหรูหรา วัสดุที่ใช้มีคุณภาพสูง เบาะนั่งนุ่มสบาย มาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน โดยรุ่นที่ขายดีที่สุดในประเทศไทยคือ Mercedes-Benz C-Class ราคาเริ่มต้นที่ 2.49 ล้านบาท ด้วยดีไซน์ที่เรียบหรูทันสมัย สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม และราคาที่จับต้องได้ ก็ทำให้รถยนต์คันนี้ได้รับความนิยมตลอดมานับตั้งแต่ปีที่เปิดตัว
2. BMW

หากพูดถึง 10 อันดับรถหรูในไทยแล้ว BMW จะต้องติดหนึ่งในลิสต์ที่เรายกมาอย่างแน่นอน เพราะนี่คือแบรนด์รถหรูจากเยอรมนีอีกแบรนด์ ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย BMW ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1916 โดยใช้ชื่อย่อมาจาก Bayerische Motoren Werke ซึ่งแปลว่า “โรงงานเครื่องจักรยานยนต์แห่งบาวาเรีย” BMW เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลก มีชื่อเสียงในด้านรถยนต์สมรรถนะสูง ดีไซน์สปอร์ต และเทคโนโลยีการขับขี่ที่ล้ำสมัย รุ่นที่ขายดีที่สุดในประเทศไทยคือ BMW 3 Series ซึ่งเป็นรถซีดานขนาดกลางที่ขึ้นชื่อในด้านสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น คันนี้มีราคาเริ่มต้นที่ 2.59 ล้านบาท เป็นรถยนต์ที่มีดีไซน์หรูหราสะกดทุกสายตา ภายในห้องโดยสารครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ล้ำสมัย พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ปราดเปรียวและเร้าใจ
3. Audi
Audi เป็นบริษัทผลิตรถยนต์ของเยอรมนี ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1899 โดยออกัสท์ ฮอร์ค วิศวกรชาวเยอรมัน ซึ่งรถยนต์ของ Audi นั้นมีจุดเด่นในเรื่องของดีไซน์ภายนอกที่มีความสวยงาม หรูหรา และดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ภายในยังมาพร้อมกับเทคโนโลยียานยนต์อันทันสมัย ทำให้ตัวรถมีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์รถยนต์ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับไปทั่วโลก โดยรุ่นที่ขายดีที่สุดในประเทศไทยคือ Audi Q5 รถอเนกประสงค์ขนาดกลางที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มครอบครัว มีราคาเริ่มต้นที่ 2.79 ล้านบาท
4. Porsche

Porsche เป็นแบรนด์รถยนต์สัญชาติเยอรมัน ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1931 โดยแฟร์ดีนันท์ พอร์เชอ ผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดังชาวออสเตรีย จุดเด่นของ Porsche อยู่ที่ความหรูหราทันสมัย เครื่องยนต์สมรรถนะสูง และรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ รถยนต์ของ Porsche มักถูกใช้เพื่อแสดงถึงความมั่งคั่งและความสำเร็จ ส่งผลให้รถยนต์แบรนด์นี้ได้รับความนิยมจากกลุ่มนักขับและผู้ที่ชื่นชอบรถสปอร์ตทั่วโลก โดยรุ่นที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยคือ Porsche 911 รถสปอร์ตระดับตำนานที่เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1963 และยังคงผลิตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน รถคันนี้มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 12.9 ล้านบาท ถือเป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของผู้ขับขี่ได้ในทุก ๆ ด้าน
5. Lexus

Lexus เป็นแบรนด์รถพรีเมี่ยมจากญี่ปุ่นในเครือโตโยต้า ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2532 ด้วยความมุ่งมั่นต้องการสร้างรถยนต์พรีเมี่ยมคุณภาพสูงที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดระดับโลก และในเวลาไม่นาน Lexus ก็ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว จนได้รับการยอมรับจากตลาดรถพรีเมี่ยม โดยรุ่นที่ขายดีที่สุดในประเทศไทยคือ Lexus ES รถซีดานขนาดกลางที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้บริหาร มีราคาเริ่มต้นที่ 3.59 ล้านบาท รุ่นนี้มีจุดเด่นที่ดีไซน์หรูหราทันสมัย สมรรถนะภายในยอดเยี่ยม มาพร้อมเทคโนโลยีการขับขี่ที่เน้นความปลอดภัยและฟังก์ชันการใช้งานครบครัน

6. Volvo

Volvo เป็นแบรนด์รถหรูจากสวีเดน ก่อตั้งขึ้นในปี 1927 โดย อัสซาร์ กาเบรียลส์ซอน และ กุสตาฟ ลาร์สัน Volvo มีชื่อเสียงในด้านความปลอดภัย ความทนทาน และการออกแบบที่หรูหรา ซึ่งทางบริษัทยึดมั่นในปรัชญาความปลอดภัยที่เข้มงวด รถยนต์ของ Volvo ทุกคันจึงติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง เช่น ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบควบคุมการทรงตัว (ESP) และระบบป้องกันก่อนชน (PCS) ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้แบรนด์รถ Volvo ได้รับความไว้วางใจและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก โดยรุ่นที่ได้รับความนิยมในไทยมากที่สุด คงหนีไม่พ้น Volvo XC60 รถอเนกประสงค์ขนาดกลางที่มีราคาเริ่มต้นที่ 2.99 ล้านบาท ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม และเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน ทำให้รถยนต์รุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน
7. MINI

MINI เป็นแบรนด์รถหรูจากอังกฤษที่มีชื่อเสียงในด้านดีไซน์ที่โดดเด่นและประสบการณ์ขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร แม้จะเป็นรถขนาดเล็ก แต่ภายในกลับไม่เล็กตาม เพราะมีเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง ช่วงล่างที่แน่นหนึบ จนมีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมไม่แพ้แบรนด์รถหรูอื่น ๆ โดยรุ่นที่ขายดีที่สุดในประเทศไทยคือ MINI Cooper Hatchback มีราคาเริ่มต้นที่ 2.19 ล้านบาท รถยนต์รุ่นนี้เป็นรถแฮทช์แบ็กขนาดกลางที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ หากใครที่กำลังมองหารถหรูสมรรถนะดี ที่สามารถขับขี่ในเมืองใหญ่ได้อย่างคล่อง MINI ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้าม
8. Land Rover

Land Rover เป็นแบรนด์รถหรูสัญชาติอังกฤษที่มีชื่อเสียงในด้านการผลิตรถยนต์ออฟโรด ก่อตั้งขึ้นในปี 1948 Land Rover มีจุดเด่นในด้านของการออกแบบที่ทนทาน มีสมรรถนะการขับขี่ที่สูงจนน่าเหลือเชื่อ และรูปลักษณ์ที่คงความคลาสสิกตลอดกาล โดยรุ่นที่ขายดีที่สุดในประเทศไทยคือ Range Rover Sport รถอเนกประสงค์ขนาดกลางที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้ชื่นชอบรถออฟโรด รถยนต์รุ่นนี้มีราคาเริ่มต้นที่ 6.59 ล้านบาท นับเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่คู่ควรจะอยู่ในลิสต์ 10 อันดับรถหรูในไทยอย่างไม่ต้องสงสัย
9. Bentley

Bentley เป็นแบรนด์รถหรูสุดพรีเมี่ยมจากเกาะอังกฤษ ก่อตั้งในปี 1919 โดย วอลเตอร์ โอเว่น เบนท์ลีย์ Bentley มีชื่อเสียงในด้านในด้านการผลิตรถยนต์หรูหราสมรรถนะสูงที่ไม่เป็นสองรองใคร เป็นที่รู้จักในด้านของคุณภาพ วัสดุที่ใช้ และความประณีตของงานประกอบ Bentley เป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในระดับโลก โดยรุ่นที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักในไทยคือ Bentley Continental GT มีราคาเริ่มต้นที่ 27 ล้านบาท เป็นรถสปอร์ตคูเป้ระดับตำนานที่มีสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ดีไซน์ที่หรูหราทั้งภายในและภายนอก พร้อมสะกดทุกสายตาเมื่อออกวิ่งบนท้องถนน
10. Rolls-Royce

แน่นอนว่า Rolls-Royce จะต้องติด 1 ใน 10 อันดับรถหรูในไทยที่เราจัดอย่างแน่นอน เพราะเป็นอีกหนึ่งแบรนด์รถหรูระดับสุดยอดจากอังกฤษ ที่มีชื่อเสียงและมีความเป็นเลิศในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ สมรรถนะการขับขี่ หรือเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมระดับโลก โดยรุ่นที่เป็นที่รู้จักในไทยมากที่สุดคือ Rolls-Royce Ghost รถซีดานหรูสุดพรีเมี่ยมที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มคนดังและนักธุรกิจ ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น ฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน มาพร้อมดีไซน์ที่หรูหราทั้งภายในและภายนอก จึงมีราคาเริ่มต้นสูงถึง 42 ล้านบาทเลยทีเดียว
เคล็ดไม่(ลับ)ดูแลรถหรูจอดนาน ด้วย CTEK จากสวีเดน
สำหรับคนรักรถแล้วการได้ครอบครองรถที่สวยงาม สมรรถนะเป็นเลิศนั้นเป็นความสุขทางใจ และยากที่จะมีแค่คันเดียว เมื่อซื้อคันใหม่มา คันเก่าก็ขายไม่ลง รถแต่ละคันก็มีวัตถุประสงค์การใช้งานต่างกัน การมีรถหลายคันจึงเป็นเรื่องธรรมดา รถหรูคันที่คุณชอบที่สุดอาจไม่ได้เป็นรถที่คุณขับบ่อยที่สุด ยิ่งหากคุณมีรถหลายคัน บางคันอาจไม่ได้ขับนานเป็นเดือนเลยที่เดียว พอจะเอาไปขับก็สตาร์ทไม่ติดแล้ว เป็นปัญหา ยุ่งยากน่าหงุดหงิด เสียอารมณ์ เสียเวลา น่ารำคาญใจเป็นอย่างยิ่ง
สาเหตุเป็นเพราะแบตเตอรี่คายประจุไฟตลอดเวลาโดยไม่ได้รับการเติมกลับเข้าไปในช่วงที่จอดทิ้งไว้ หากไม่ได้ขับเป็นเวลา1 เดือน แบตเตอรี่ที่เพิ่งเปลี่ยนมาใหม่ ก็อาจสตาร์ทไม่ติดแล้ว หากจอดทิ้งไว้ 3 เดือน แบตเตอรี่ก็อาจเสื่อมสภาพจนไม่สามารถใช้งานได้ในที่สุด และอาจเกิดผลกระทบต่อระบบไฟฟ้า ที่ราคาค่าซ่อมหลักหมื่นหรือหลักแสนเลยทีเดียว
วิธีแก้ปัญหาเรื่องรถสตาร์ทไม่ติดก็มีหลายวิธีตามความสะดวกของแต่ละคน แต่วิธีที่ฉลาดที่สุดในการป้องกันปัญหารถสตาร์ทไม่ติดที่อยากแนะนำคือการใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ แต่การเลือกเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ ไม่ใช่จะเลือกยี่ห้ออะไรก็ได้ หรือเลือกราคาที่ถูกที่สุด เพราะเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ที่ราคาถูกแต่ไม่ได้คุณภาพ อาจทำให้แบตเตอรี่หรือระบบอิเลคโทรนิกส์อันละเอียดอ่อนของรถของคุณเสียหาย เพราะฉะนั้นอย่าเสี่ยงดีกว่า เลือกเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ที่มีมาตรฐาน คุณภาพสูง ใช้งานได้ทนทานนานคุ้มค่าทีเดียวจบ
เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัจฉริยะสำหรับรถยนต์ CTEK จากประเทศสวีเดน เป็นตัวช่วยที่เจ้าของรถสายจอดต่างเลือกใช้ เพราะค่ายรถยนต์ชั้นนำต่างไว้วางใจ นอกจากให้ CTEK ผลิตให้ภายใต้แบรนด์ของตัวเองแล้ว ยังไว้วางใจให้ CTEK ดูแลแบตเตอรี่ระหว่างออกงานแสดงใหญ่เช่น งาน Motor Expo, Motorshow
การดูแลแบตเตอรี่ที่ดีที่สุดคือการชาร์จไฟแบตเตอรี่ให้เต็มอยู่ตลอดเวลา CTEK จากสวีเดน ช่วยดูแลแบตเตอรี่ให้เต็มอยู่ตลอดเวลาโดยไม่ต้องเอารถไปวนขับ หรือคอยสตาร์ทรถให้เสียเวลา และ CTEK เป็นเจ้าของเทคโนโลยีลิขสิทธิ์การชาร์จที่ปลอดภัยต่อแบตเตอรี่ ระบบไฟภายในรถ และต่อผู้ใช้งาน เพียงแค่เสียบปลั๊กไฟบ้านแล้วคีบขั้วแบตเตอรี่หรือแบตเตอรี่ Terminal โดยไม่ต้องถอดขั้วแบตเตอรี่ หรือ ยกแบตเตอรี่ออกจากรถ CTEK ก็จะชาร์จแบตเตอรี่รถของคุณให้เต็มโดยอัตโนมัติเหมือนชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือโดยที่คุณไม่ต้องเฝ้า คุณสามารถชาร์จทิ้งไว้ได้เป็นเดือนโดยไม่ทำให้แบตเตอรี่เสีย ไม่ต้องคอยสตาร์ทหรือเอารถไปวนขับให้สิ้นเปลืองน้ำมันอีกต่อไป