เบื้องลึก แพทองธาร สั่งถอนวาระ ให้เงิน 10,000 เฟส 2
เรียกได้ว่าเกิดเป็นคำถามอยู่ไม่น้อยสำหรับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุโดยแจกเงิน 10,000 บาทให้กับผู้สูงอายุที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป 4 ล้านคน หรือโครงการแจกเงิน 10,000 บาทเฟส 2 วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีกำหนดที่จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่เข้า ครม.ไม่ทันในการประชุม ครม.สัญจรที่จ.เชียงใหม่ แต่จนแล้วจนรอดเรื่องนี้ก็ยังไม่เข้าสู่การพิจารณาของ ครม. โดยวาระถูกถอนออกจากการประชุมไปในนาทีสุดท้ายก่อนที่การประชุมจะเริ่มขึ้น
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกฯรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม ครม.ถึงเรื่องนี้ว่าวันนี้ ครม.ยังไม่อนุมัติโครงการแจกเงิน 10,000 บาทเฟส 2 โดยต้องขอตรวจความรอบคอบในเรื่องกฎหมายก่อน เมื่อถามว่าที่บอกว่าติดเรื่องข้อกฎหมายนั้นติดขัดในส่วนไหน นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ขอพิจารณาข้อกฎหมายในรายละเอียดเพื่อให้เกิดความรอบคอบไม่ได้ติดเรื่องอะไร แต่เรื่องเนื้อความที่เขียนทางกระทรวงการคลังกำลังดูอยู่
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่า เงื่อนไขที่ติดอยู่ไม่ได้ติดขัดเรื่องของข้อกฎหมายแต่เป็นรายละเอียดที่ต้องดูเอกสารให้ครบถ้วน คาดว่าจะสามารถเสนอให้ครม. พิจารณาอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะแจกเงินได้ทัน 29 ม.ค.2568 แน่นอน
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังระบุว่าการที่วาระดังกล่าวต้องถอนออกจากที่ประชุมครม. ทั้งที่ถูกบรรจุเป็นวาระเพื่อพิจารณาในที่ประชุมครม.วันที่ 3 ธ.ค.2567 เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากถูกเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาทักท้วงให้ไปตรวจสอบข้อกฎหมายให้ชัดเจนก่อน ซึ่งรัฐมนตรีที่เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ก็ฟังแล้วไม่เข้าใจว่าเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นใด
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่วาระดังกล่าวจะถูกถอนออก กระทรวงการคลังได้เตรียมนำข้อเสนอ ให้ ครม.พิจารณา โดยระบุว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ ถือเป็นส่วนหนึ่งของกรอบหลักการในการดำเนินโครงการ Digital Wallet ตามติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 เม.ย.2567 โดยให้มีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของกรอบการดำเนินโครงการ เติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เฉพาะผู้มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป จากการสนับสนุนวงเงินสิทธิ์ 10,000 บาท สำหรับซื้อสินค้ากับผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ Digital Wallet เป็นการจ่ายเงิน 10,000 บาท โดยไม่กำหนดเงื่อนไขการใช้จ่าย
พร้อมกันนี้ จะขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ไม่เกิน 40,000 ล้านบาทมาดำเนินการ และให้กรมบังคับคดีกำหนดแนวปฏิบัติเพื่ออนุญาตให้บุคคลล้มละลายหรือถูกพิทักษ์ทรัพย์ เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารและถอนเงินเป็นกรณีพิเศษ เพื่อรับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ และเบิกถอนเงินดังกล่าวเพื่อใช้จ่าย
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกฤษฎีการะบุว่าการทักท้วงข้อกฎหมายให้ ครม.รับทราบนั้นคือเรื่องในกรณีที่กระทรวงการคลังเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณากำหนดให้โครงการดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของกรอบหลักการในการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 และนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภาไว้ และขอความเห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของกรอบการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet นั้น
เนื่องจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23เมษายน 2567 ที่ให้ความเห็นชอบหลักการของกรอบหลักการของโครงการเติมเงิน10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดในส่วนส่วนที่เกี่ยวข้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่งนั้น ยังไม่ปรากฏว่ามีการเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณารายละเอียดของโครงการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว และโดยที่โครงการฯ นี้มีรายละเอียดบางประการแตกต่างไปจากหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรอบการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ที่คณะรัฐนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567
นอกจากนี้การขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลางรายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ จำนวนไม่เกิน 4 หมื่นล้านบาท โดยจัดสรรให้แก่สำนักงานปลัดกระทรวงการคลังสำหรับการดำเนินโครงการฯ นั้นเป็นการขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลางที่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดในพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 และระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ พ.ศ. 2567 ซึ่งข้อ 5 กำหนดให้กระทำได้ในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้เป็นหน่วยงานดำเนินโครงการ และหน่วยรับงบประมาณต้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามโครงการที่ขอรับจัดสรร และเสนอเรื่องให้รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล หรือผู้ที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้กำกับดูแลโครงการ แล้วแต่กรณีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนส่งคำขอให้สำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาอนุมัติจัดสรรรงบประมาณให้แก่หน่วยรับงบประมาณต่อไป
นอกจากนี้ เนื่องจากกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการดำเนินการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ครั้งที่ 3 ในวันที่ 19 ธ.ค. 2567 ให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่ยังจ่ายเงินไม่สำเร็จตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ควบคู่กับการดำเนินการแก้ไขปัญหาการจ่ายเงินตามโครงการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 พ.ย.2567 จากการดำเนินโครงการหลายโครงการในช่วงเวลาเดียวกันจึงอาจเกิดความซ้ำซ้อนหรือความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้ จึงเห็นควรมอบหมายกระทรวงการคลังบริหารจัดการกลุ่มเป้าหมายของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอาย เพื่อให้ผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินตามโครงการที่พึงจะได้รับและมีให้เกิดความซ้ำข้อน รวมทั้งให้พิจารณากำหนดรายละเอียดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ในการดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ โดยไม่ขัดกับที่ ครม.ได้เห็นชอบไว้
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เรื่องโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุถูกถอนออกจากวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะมีการพิจารณา เนื่องจากนายกรัฐนตรีได้ให้ข้อสังเกตุการณ์ในข้อกฎหมายบางประการ และเงื่อนไขในการดำเนินการเฟสแรกมีข้อติดขัดใดบ้าง โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำกลับปรับมา มองว่าช้าดีกว่าต้องมาแก้ไขในภายหลัง โดยคาดว่าโครงการนี้จะเสนอครม. ภายในสัปดาห์หน้า
แหล่งที่มา: https://www.siamnews.com/view-123935.html?fbclid=IwY2xjawG8qAdleHRuA2FlbQIxMAABHT1UTg3RIIkkVBxX23Uc_acCOl2-AGHxDT1L4SWX7Yqybk3UKnH8KT0MGQ_aem_A_l9xzkokkd7bkCL2RULFw
10 อันดับแบรนด์รถยนต์ที่น่าเชื่อถือที่สุดในไทย มีแบรนด์อะไรบ้าง ?
หากพิจารณาถึงเรื่องประกันรถยนต์ หลายคนคงคิดหนักอยู่ไม่น้อย เพราะไม่รู้ว่า จะเลือกทำประกันรถยนต์ที่ไหนดี? ประกันรถยนต์ก็มีให้เลือกหลายประเภท แต่ที่เราทุกคนมั่นใจที่สุดแน่นอนว่าต้องเป็น ประกันรถยนต์ชั้น 1ยังไงการทำประกันรถยนต์ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา (โดยเฉพาะตอนประกันหมด) และเมื่อเกิดเหตุขึ้นมาแล้ว บริษัทประกันภัย ที่ทุกคนเลือกทำไว้ จะสำคัญมากเลย เพราะต้องเป็นคนดูแลและซ่อมรถให้เราด้วย
“ความน่าเชื่อถือ” ของ แบรนด์รถยนต์ วัดจากอะไร ?
ถ้าหากพูดถึง “ความน่าเชื่อถือ” หลายคนอาจมองว่าแบรนด์นั้น หรือแบรนด์นี้ มีความน่าเชื่อถือแตกต่างกันออกไป บางแบรนด์ที่ผู้เชี่ยวชาญลิสต์ออกมาอาจไม่ตรงตามความคิดหรือความรู้สึกของคุณ แล้วมันเป็นเพราะอะไรกันล่ะ แล้วจริง ๆ สามารถเชื่อถือได้จริงไหม ?
คำตอบคือ “ชื่อถือได้แน่นอน” เพราะผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น ได้ทำการ “สำรวจประชากร” ด้วยการทำการทดสอบและใช้ข้อมูลอื่น ๆ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา ว่ารถแบรนด์ไหนน่าเชื่อถือที่สุด
ซึ่งเกณฑ์การให้คะแนนจะรวบรวมส่วนต่าง ๆ เช่น งบประมาณของประเภทรถยนต์ ความสามารถในการข้ามประเทศ มาทำการประเมินความน่าเชื่อถือ ถ้ายังมองภาพไม่ออกเรามาดู “คำจำกัดความ” ของความน่าเชื่อถือของรถยนต์กันเลยดีกว่า
คำจำกัดความ “ความน่าเชื่อถือ” ของรถยนต์
ต้องยอมรับว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย มีการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ รวมถึงมาตรฐานความปลอดภัยที่เพิ่มสูงขึ้น และรสนิยมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค ที่ทำให้รถยนต์นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ยังมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อความรู้สึก และความน่าเชื่อถือของผู้ใช้ (ลูกค้า) ที่ใช้การประเมินคุณภาพรถยนต์แต่ละแบรนด์ แต่ละรุ่น ซึ่งปัจจัยที่ว่า บางส่วน คือ “ประสิทธิภาพและความสะดวกสบายของตัวรถ รวมถึงราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย สวยงาม และสอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัย”
เช็กลิสต์ 10 อันดับยี่ห้อรถยนต์ ที่น่าเชื่อถือ
หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังมองหารถยนต์สักคัน ที่พร้อมจะร่วมทางกับคุณไปอีกนานแสนนาน มิสเตอร์ คุ้มค่า ได้ลิสต์ 10 อันดับยี่ห้อรถยนต์ที่น่าเชื่อถือ มาให้คุณนำข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจ ดังนี้

- 1. Toyotaแบรนด์รถยนต์แนะนำที่แสนโด่งดัง ที่ไม่ใช่แค่ได้รับความนิยมในไทยเท่านั้น แต่ยังได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลก ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากอุตสาหกรรมทอผ้า และได้มีการถูกถ่ายโอนและขายสิทธิบัตรให้กับบริษัทในประเทศอังกฤษ จวบจนปี ค.ศ.1933-1935 ก็ถือเป็นช่วงที่แบรนด์ Toyoda ถือกำเนิดขึ้น และรถยนต์รุ่นแรกคือ A1 รถยนต์ขนาดเล็ก และ G1 รถบรรทุกแม้ว่าทั้ง 2 รุ่น จะจัดจำหน่ายในช่วงที่สภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างแปรปรวน แต่ยอดขายกลับสวนทางแบบสุดโต่ง สร้างกำไรให้กับบริษัทเป็นจำนวนมาก จนสามารถนำเม็ดเงินเหล่านั้นไปต่อยอดสู่รถยนต์รุ่นอื่น ๆ เป็นลำดับต่อไปจะเห็นได้ว่าก่อนที่ Toyata จะได้รับความนิยมในปัจจุบัน แบรนด์นี้ได้รับความนิยมตั้งแต่ตอนที่ใช้ชื่อแบรนด์ว่า Toyada แต่ในท้าทายที่สุดได้เปลี่ยนมาเป็น Toyota แบรนด์รถยอดนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการสื่อถึง Infinity พร้อมเปิดตัวโลโก้ 3 ห่วง โดยวงรีทั้ง 2 วงที่ซ้อนกัน หมายถึงการผลึกร่วมหัวใจ 2 ดวง ได้แก่ หัวใจของผู้ใช้รถและหัวใจของรถโตโยต้า และวงรีใหญ่ที่สื่อถึงการขยายตัว หมายถึงการพัฒนาด้านเทคโนโลยีของรถยนต์ยุคใหม่ ที่จะก้าวหน้าต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
- 2. Isuzuเริ่มแรกถูกก่อตั้งในชื่อ Tokyo Ishikawajima Shipbuilding & Engineering Company ต่อมาได้ร่วมลงทุนกับพันธมิตรบริษัทยานยนต์สัญชาติอังกฤษ Wolseley Motors Limited และผลิตรถยนต์โดยสารคันแรกสำเร็จ ในปี ค.ศ.1922 ใช้ชื่อว่า Wolseley A9 จากความสำเร็จในครั้งนี้ ทำให้บริษัทผลิตรถบรรทุกรุ่นต่าง ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
- 3. Hondaแบรนด์รถยนต์ที่เริ่มต้นจากการพัฒนาจักรยานยนต์แบบติดเครื่องยนต์ และรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ถูกนำไปลงสนามประลอง F1 ณ ประเทศฝรั่งเศส หลังจากกวาดรางวัลชนะเลิศกลับมาทำให้แบรนด์ตลาดโด่งดัง และกลับมาพร้อมกับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ อย่าง Handa Civic ในตำนาน มีความโดดเด่นในเรื่องการใช้เทคโนโลยี CVCC ซึ่งช่วยลดมลพิษทางอากาศ และ 4 ปีให้หลังก็ได้เปิดตัวรถยนต์อีกรุ่นในตำนานอย่าง Honda Accord
- 4. Mitsubishiอีกหนึ่งแบรนด์รถยนต์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ในไทย โดยเริ่มต้นจากธุรกิจอื่น อย่าง “บริษัทขนส่งสินค้า” จากนั้นได้ผันตัวมาสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ผลิตรถโดยสารครั้งแรก ในปี ค.ศ.1917 ต่อมาในปี ค.ศ.1970 แผนกยานยนต์ได้แยกตัวจากบริษัทแม่ มาโฟกัสที่รถยนต์อย่างเต็มตัว ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของ Mitsubishi ในปัจจุบัน
- 5. MGแบรนด์รถยนต์จากประเทศอังกฤษสายเลือดจีนที่ค่อนข้างใหม่ในตลาดบ้านเรา แต่สร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ และความน่าสนใจให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์รถยนต์ในเมืองไทยเป็นอย่างมากในช่วง 10 ปีรุ่นสร้างชื่อคือ EX120 ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อลงประลองในสนามแข่งโดยเฉพาะ ต่อมาได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการผลิตรุ่น K3 Magnette รุ่นที่สร้างชื่อให้กับ MG อย่างท่วมท้น เพราะสามารถเอาชนะ Ferrari ได้ที่ความเร็ว 105 กิโลเมตร/ชั่วโมง จากนั้นได้มีการผลิตรถยนต์รุ่นต่าง ๆ สู่ตลาด ด้วยรูปลักษณ์ที่ทันสมัย และโครงสร้างเหล็กที่แข็งแรง ทำยอดขายได้มากถึง 1 แสนคัน แม้ตอนนี้หลายคนจะมีภาพจำกับแบรนด์นี้ว่าเป็นรถจีนซะมากกว่า แต่ MG ยังคงสร้างชื่อในเมืองไทยด้วยการเป็นหนึ่งในแบรนด์จากจีนชั้นนำเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า กับตัวเลือกหลาย ๆ รุ่นที่เป็นรถ EV
- 6. Fordเปิดตัวรถยนต์คันแรกชื่อว่า Ford Quadricycle ต่อมาได้ผลิตรถยนต์ Ford Model T หรือรถยนต์รุ่นบุกเบิก ออกวางจำหน่ายในราคาเพียง 360 ดอลลาร์ ที่ได้รับการตอบรับดีเกินคาด เนื่องจากเป็นรถยนต์ที่มีรูปลักษณ์สวยงาม แข็งแรง ราคาจับต้องได้ โดยสามารถทำยอดขายได้ถึง 15 ล้านคัน
- 7. Mazdaเปิดตำนานด้วยรถคันแรกอย่างรถสามล้อ ชื่อว่า Green Panel จนได้รับความนิยม ต่อมาได้มีการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมด้วยเครื่องยนต์โรตารี่ นับเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายเดียวของโลก ที่ใช้เครื่องยนต์ประเภทนี้เสริมจากเครื่องยนต์ที่มีอยู่ในตลาดจวบจนปัจจุบัน เริ่มจากรถสปอร์ตรุ่น Cosmo 110S ส่งต่อตำนานสู่ RX-7 และ RX-8ต่อมาในปี ค.ศ.1989 ก็ได้ถือกำเนิดการกลับมาของตำนานรถสปอร์ตโรดสเตอร์ หลังจากที่ไม่มีผู้ผลิตรายใดผลิตรถสปอร์ตโรดสเตอร์ออกมาเลย ทาง Mazda จึงได้ทำการคิดค้นและพัฒนารถสปอร์ตโรดสเตอร์อีกครั้ง จนได้มาเป็น MX-5 ซึ่งนับเป็นรถสปอร์ตโรดสเตอร์ที่ขายดีที่สุดในโลก
- 8. Nissanเริ่มแรกเดิมทีก่อตั้งขึ้นในนามบริษัท Dat Jidosha Seizo และเปลี่ยนชื่อมาเป็น Nissan Motor Co. ในปี ค.ศ.1934 รวมถึงเปิดตัวรถยนต์ครั้งแรกอย่าง Datsun 14 และมีการผลิตรถยนต์ส่วนบุคคล รถบรรทุก หน่วยกำลังสำหรับกองทัพ เช่น เครื่องบิน เครื่องยนต์ให้แก่กองกำลังทหารญี่ปุ่น และกลับมาแข็งแรงอีกครั้งในปี ค.ศ.1947 พร้อมกับมุ่งผลิตรถรุ่น Datsun คิดค้นเทคโนโลยีการผลิตใหม่ ๆ อย่างไม่หยุดหย่อน จนได้มาเป็น Nissan Datsun 240 Z รถสปอร์ตคันแรก ที่สร้างปรากฏการณ์ในด้านยอดขายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
- 9. Suzukiเริ่มต้นจากบริษัททอผ้า และได้ขยายขอบเขตการผลิต แตกผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ออกมา จนก่อให้เกิดการผลิตต้นแบบยานยนต์ในปี ค.ศ.1939 แต่ต้องชะงักลง เมื่อเข้าสู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วหันกลับมาเข้าสู่อุตสาหกรรมเครื่องทอผ้าอย่างเดิม หลังจากสิ้นสุดยุคอุตสาหกรรมฝ่ายในญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1951 ทางแบรนด์ได้หันมาผลิตรถจักรยานยนต์และรถยนต์ และได้ถือกำเนิด Suzuki Motor Co., Ltd รวมถึงเปิดตัวรถยนต์รุ่นแรกอย่าง Suzuki Suzulight
- 10. Hinoแม้จะไม่มีรุ่นรถที่เป็นเก๋งส่วนบุคคล แต่คุ้นชื่อกันดีเรื่องรถบรรทุก Hino เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1910 โดยมีรากฐานมาจากอุตสาหกรรมก๊าซ ในนามของ Tokyo Gas and Electric Industry และได้มีการขยายการผลิตมายังชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงมีการผลิตยานยนต์คันแรกในปี ค.ศ.1917 คือรถบรรทุกรุ่น TGE “A-Type จากนั้นได้มีการร่วมมือพับพันธมิตรในปี ค.ศ.1937 เพื่อจัดตั้ง Tokyo Automobile Industry จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อมาเป็น Diesel Motor Industry และถือเนิดบริษัทใหม่ในนาม Hino ในปี ค.ศ.1942