“อ.ปานเทพ” ประกาศขอยุติการแถลงข่าวคดีทนายตั้ม หลังหอบหลักฐานออกรายการดัง
หลังจากที่ “อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต หอบหลักฐานแฉ “ทนายตั้ม” ชนิดที่เรียกว่าหักปีกทนายดังเลยก็ว่าได้ในรายการโหนกระแส ที่มี “หนุ่ม กรรชัย” เป็นพิธีกร ทว่าล่าสุด อ.ปานเทพได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “ขอยุติการแถลงข่าวคดีทนายตั้ม”

โดย อ.ปานเทพ ได้อธิบายว่า “เรียนพี่น้องสื่อมวลชนที่เคารพ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาประมาณ 3 สัปดาห์ ที่ผมได้มาทำหน้าที่สื่อมวลชนในการนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการร้องทุกข์ของพี่อ้อยในการดำเนินคดีฉ้อโกง และคดีฟอกเงินกับทนายตั้มและพวก จนกระทั่งมีกระบวนการการดำเนินคดี ออกหมายจับ คัดค้านการประกันตัว และอายัดทรัพย์แล้ว”
และเมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2567 ผมได้ให้สัมภาษณ์ในรายการโหนกระแสทางช่อง 3 รวมทั้งการให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกับสื่อมวลชนอื่นๆ จนผมเชื่อว่าผู้ชมส่วนใหญ่และสื่อมวลชนได้เข้าใจเรื่องราวทุกอย่างมากขึ้นแล้วในขณะนี้

ดังนั้นการทำหน้าที่ของผม ในฐานะสื่อมวลชนคนหนึ่งที่รับข้อมูลการร้องทุกข์ของพี่อ้อยได้เสร็จสิ้นตามสมควรแล้ว โดยหลังจากนี้ก็จะเป็นเรื่องของทนายทั้ง 2 ฝ่าย คือโจทก์และจำเลยที่จะต้องต่อสู้กันตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
ผมจึงขอยุติการแถลงข่าวเกี่ยวกับคดีนี้ เพราะจะไปทำหน้าที่อื่นๆ ในงานสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ในด้านงานวิจัยและพัฒนาเรื่องสมุนไพร รวมทั้งการแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนจีน การแพทย์อายุรเวทอินเดีย การแพทย์ทางเลือก การแพทย์บูรณาการ อันเป็นภารกิจที่สำคัญยิ่งของวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต

และอีกเรื่องหนึ่งคือที่มีความสำคัญต่อประเทศชาติในเรื่องทรัพยากรทางทะเลในอ่าวไทย คือผมกำลังเตรียมการนำเสนอทางออกเรื่องบันทึกความเข้าใจในพื้นที่อ้างสิทธิไหล่ทวีป ของไทย-กัมพูชา ในปี 2544 หรือ MOU 2544 ที่หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในวันที่ 24 พ.ย. 2567 นี้
แต่ทุกท่านยังคงติดตามผลงานของผมได้ในฐานะสื่อมวลชนได้ ทั้งบทความ และการจัดรายการข่าวสารทั่วไปในเว็บไซต์ผู้จัดการและสถานีโทรทัศน์ News1 เป็นปกตินะครับ
ขอขอบพระคุณพี่น้องสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนทุกท่านที่ให้การสนับสนุนและติดตามในช่วงเวลาที่ผ่านมา และมอบความสำเร็จความคืบหน้าในคดีของทนายตั้มทั้งหมดให้เป็นผลงานของพี่น้องสื่อมวลชนทุกท่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงขอขอบพระคุณกำลังใจจากพี่น้องประชาชนทุกท่านอย่างล้นหลามมา ณ โอกาสนี้”

แหล่งที่มา: https://www.thainewsonline.co/news/social/877627?fbclid=IwY2xjawGikjxleHRuA2FlbQIxMAABHerwTiOijfCmt-lsgpc7aoMtytRHHr0vQ-K1GCMixPHqUgjEd-bpoHS4zA_aem_b8QDW_MXFdNb97faRxWnbg
3 ยักษ์ใหญ่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ที่ยืนหยัดเหนือกาลเวลา
อันดับ 1 แสนสิริ ผู้ที่ทำกำไรสูงสุดใน ตลาดอสังหาฯ ไทย

แสนสิริ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2527 อายุรวม 39 ปี โดย กลุ่มจูตระกูล ปัจจุบันมีแบรนด์โครงการบ้านและคอนโดมิเนียมที่เป็นที่รู้จักมากมาย เช่น นาราสิริ,บูก้าน,เศรษฐสิริ,บุราสิริ,ฮาบิเทีย,สราญสิริ,คณาสิริ,KHUN,ชูช์,เวีย,เอ็กซ์ที,เอดจ์,เฮาส์,เดอะ ไลน์,เดอะ เบส,โฟล บายแสนสิริ
ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 แสนสิริ สามารถทำกำไรสุทธิได้ 3,202 ล้านบาท ทำให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนถึง 17.80 % มี มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 25,211 ล้านบาท และมี สินทรัพย์รวม 139,816 ล้านบาท
ผลประกอบการย้อนหลังของ แสนสิริ
- ปี 2563 รายได้ 34,891 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,673 ล้านบาท
- ปี 2564 รายได้ 29,747 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,017 ล้านบาท
- ปี 2565 รายได้ 34,973 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,279 ล้านบาท
- ปี 2566 รายได้ 17,477 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,202 ล้านบาท (งบ 6 เดือน2566)
ใครจะคิดว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของไทยในปัจจุบันอย่าง แสนสิริ เริ่มต้นจากบริษัทเล็ก ๆ ชื่อแสนสำราญ จำกัด เมื่อปี 2531 กับโครงการบ้านไข่มุก คอนโดมิเนียมริมหาดระดับตำนานของหัวหิน ที่ราคาต่อยูนิตเพียง 7 ล้านบาทเท่านั้น แต่กลับเป็นที่ต้องการของเศรษฐีในยุคนั้น

จากโครงการบ้านไข่มุกคือโครงการแฟล็กชิพแห่งแรกของแสนสิริที่เปิดตัวในปี 2531 ปัจจุบันแสนสิริมีมูลค่าโครงการรวมเพิ่มขึ้นกว่า 1,000% โดยราคาขายต่อยูนิตพุ่งสูงขึ้นจาก 7 ล้านบาท เป็น 80 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของแสนสิริที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ไทยได้ในเวลา 39 ปี
อันดับ 2 เอพี ไทยแลนด์ ผู้นำตลาดอสังหาฯ สวนกระแส

ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 เอพี สามารถทำกำไรสุทธิได้ 3,022 ล้านบาท ทำให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนถึง 16.05% มี มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 33,975 ล้านบาท และมี สินทรัพย์รวม 79,176 ล้านบาท
ผลประกอบการของ เอพี ไทยแลนด์
- ปี 2563 รายได้ 29,958 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,226 ล้านบาท
- ปี 2564 รายได้ 31,980 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,543 ล้านบาท
- ปี 2565 รายได้ 38,702 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,877 ล้านบาท
- ปี 2566 รายได้ 18,831 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,022 ล้านบาท (งบ 6 เดือน2566)
เอพี ไทยแลนด์ ผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์อีกเจ้าในไทย เวลานี้สวนกระแสตลาดที่ชะลอตัวในปี 2566 ด้วยแผนธุรกิจที่ดุดัน เปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุดในอุตสาหกรรม จำนวน 58 โครงการ มูลค่ารวม 77,000 ล้านบาท ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด
เอพี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2534 อายุรวม 32 ปี โดย คุณ อนุพงษ์ อัศวโภคิน ปัจจุบันมีแบรนด์โครงการบ้านและคอนโดมิเนียมที่เป็นที่รู้จักมากมาย เช่น บ้านกลางเมือง, บ้านกลางกรุง, GRANDE PLENO, THE CITY, CENTRO, ASPIRE, HYTHM และ LIFE ความสำเร็จของเอพี สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของผู้บริหารที่เชื่อมั่นในศักยภาพของธุรกิจและไม่ยอมแพ้ต่อความท้าทาย โดยนายอนุพงษ์ อัศวโภคิน เคยกล่าวไว้ว่า “ถ้าไม่แน่ ก็คงไม่กล้า”

สำหรับในครึ่งปีหลังบริษัทฯ เตรียมเปิดตัวอีก 40 โครงการใหม่ มูลค่ารวมประมาณ 55,940 ล้านบาท โดยเป็นทาวน์โฮม 19 โครงการ มูลค่า 19,550 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 14 โครงการ มูลค่า 24,750 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 8,300 ล้านบาท และต่างจังหวัด 4 โครงการ มูลค่า 3,340 ล้านบาท
อันดับ 3 แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ผู้ครองตลาด บ้านหรู ในไทย

ในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ไม่มีใครไม่รู้จัก “แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์” ผู้นำตลาดบ้านหรูระดับบนมาอย่างยาวนานกว่า 50 ปี ด้วยภาพลักษณ์ที่โดดเด่นและความเชื่อมั่นในคุณภาพ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จึงสามารถครองใจผู้บริโภคมาได้อย่างเหนียวแน่น แม้จะมีคู่แข่งหน้าใหม่เข้ามาท้าทายอยู่เสมอ
ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ สามารถทำกำไรสุทธิได้ 2,803 ล้านบาท ทำให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนถึง 7.95 % มี มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 90,220 ล้านบาท และมี สินทรัพย์รวม 128,422 ล้านบาท
ผลประกอบการของ ศุภาลัย เรียลเอสเตท
- ปี 2563 รายได้ 30,965 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7,144 ล้านบาท
- ปี 2564 รายได้ 33,031 ล้านบาท กำไรสุทธิ 6,936 ล้านบาท
- ปี 2565 รายได้ 36,482 ล้านบาท กำไรสุทธิ 8,312 ล้านบาท
- ปี 2566 รายได้ 14,036 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,803 ล้านบาท (งบ 6 เดือน2566)
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ก่อตั้งเมื่อ ปี 2516 อายุรวม 50 ปี โดย คุณ อนันต์ อัศวโภคิน เป็นที่รู้จักกันดีในนามของ “บ้านหรู สวยทุกหลัง ได้ของ เหมือนที่ตาเห็น” จากการนำเสนอโครงการบ้านหรูที่มีคุณภาพสูง ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุด และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าระดับบนอย่างแท้จริง

สำหรับโครงการที่ประสบความสำเร็จของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ได้แก่ โครงการบ้านนันทวัน โครงการบ้านมัณฑนา และโครงการบ้านลดาวัลย์ ความสำเร็จของ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ สะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยสำคัญหลายประการที่ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประสบความสำเร็จ ได้แก่ คุณภาพของโครงการ ที่ตั้งโครงการ และภาพลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ให้ความสำคัญมาโดยตลอด