ปูนบำเหน็จ 7 ขั้น พระราชทานเครื่องราชฯ 3 ครูสละชีวิต เหตุไฟไหม้รถบัส

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่ากระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมประสานภารกิจกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 38/2567 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ และออนไลน์ผ่านระบบ Zoom meeting ว่า เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(เลขาธิการ กพฐ.) ได้รายงานเกี่ยวกับกรณีครู ที่เสียชีวิตจากเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา ว่า ทางคณะกรรมการพิจารณาบำเหน็จความชอบ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาเห็นชอบอนุมัติให้ นางสาวพิมพ์ทอง สมบัติ ครูที่เสียชีวิตได้รับการเลื่อนเงินเดือนกรณีพิเศษ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการให้บำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษ พ.ศ. 2521 จำนวน 7 ขั้น (เจ็ดขั้น) ในอัตรา 1 ขั้น เท่ากับร้อยละ 5 รวมเป็นร้อยละ 35 ของอัตราเงินเดือน เป็นอัตราเงินเดือน 27,202.50 บาท (สองหมื่นเจ็ดพันสองร้อยสองบาทห้าสิบสดางค์) ตั้งแต่วันที่เสียชีวิต (1 ตุลาคม 2567) และขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โดยอาศัยหลักเกณฑ์ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกำหนด
นอกจากนี้ ได้อนุมัติให้ นางสาวกนกวรรณ ศรีผง ครูผู้เสียชีวิต ได้รับการเลื่อนเงินเดือนกรณีพิเศษ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้บำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษ พ.ศ. 2521 จำนวน 7 ขั้น ในอัตรา 1 ขั้น เท่ากับร้อยละ 5 รวมเป็นร้อยละ 35 ของอัตราเงินเดือน เป็นอัตราเงินเดือน 24,894 บาท ตั้งแต่วันที่เสียชีวิต (1 ตุลาคม 2567) และขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โดยอาศัยหลักเกณฑ์ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกำหนดให้กับครูที่เสียชีวิต
ก็เป็นสิ่งที่ผู้ที่รับผิดชอบ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้ประชุมเห็นชอบ ให้ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน 7 ขั้น ก็เป็นสิ่งที่ทางรัฐบาล สำนักนายกฯและผู้ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันพิจารณาให้ได้เกินจากที่เราคาดหวังไว้จาก 3 ขั้น เป็น 7 ขั้นเงินเดือน และขอเครื่องราชฯตามเงินเดือนที่ได้ปรับเพิ่มขึ้นด้วย ส่วนนางสาวสริญญา หอมเกสร นักศึกษาฝึกสอน 1 คน ที่เสียชีวิตก็จะขอพระราชทานเครื่องราชดิเรกคุณากรณ์ให้ ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นพระราชวินิจฉัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะพิจารณาอย่างไร รมว.ศธ. กล่าว
TOP 10 อสังหาฯ ไทย ทำกำไรสูงสุด แสนสิริ โกยมากสุด ขณะ 14 บริษัท ขาดทุน สต๊อกรวมท่วม 6.3 แสนล้าน
- อันดับ 1 : แสนสิริ 3,110 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น)
- อันดับ 2 : เอพี 3,022 ล้านบาท (ลดลง)
- อันดับ 3 : ศุภาลัย 2,824 ล้านบาท (ลดลง)
- อันดับ 4 : แลนด์แอนด์เฮ้าส์ 2,806 ล้านบาท (ลดลง)
- อันดับ 5 : ออริจิ้น 1,915 ล้านบาท (ลดลง)
- อันดับ 6 : พฤกษา 1,730 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น)
- อันดับ 7 : คิวเฮ้าส์ 1,261 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น)
- อันดับ 8 : เอสซี แอสเสท 1,134 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น)
- อันดับ 9 : เฟรเซอร์ส 714 ล้านบาท (ลดลง)
- อันดับ 10 : แอสเซทไวส์ 531 ล้านบาท (ลดลง)

ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องจับตาดู คือ จำนวนสต๊อกที่อยู่อาศัยคงเหลือ และหน่วยที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกเป็นจำนวนมาก โดยนับรวมจากทั้ง 38 บริษัท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 อยู่ที่ 638,860 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.96% จาก 626,535.06 ล้านบาท จากสิ้นไตรมาสแรกที่ผ่านมา สต๊อกมากสุด นำโดย บมจ.แสนสิริ, ศุภาลัย, เอพี, แลนด์แอนด์เฮ้าส์, เอสซีฯ และพฤกษา เป็นต้น