เบื้องลึก แพทองธาร สั่งถอนวาระ ให้เงิน 10,000 เฟส 2
เรียกได้ว่าเกิดเป็นคำถามอยู่ไม่น้อยสำหรับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุโดยแจกเงิน 10,000 บาทให้กับผู้สูงอายุที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป 4 ล้านคน หรือโครงการแจกเงิน 10,000 บาทเฟส 2 วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีกำหนดที่จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่เข้า ครม.ไม่ทันในการประชุม ครม.สัญจรที่จ.เชียงใหม่ แต่จนแล้วจนรอดเรื่องนี้ก็ยังไม่เข้าสู่การพิจารณาของ ครม. โดยวาระถูกถอนออกจากการประชุมไปในนาทีสุดท้ายก่อนที่การประชุมจะเริ่มขึ้น
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกฯรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม ครม.ถึงเรื่องนี้ว่าวันนี้ ครม.ยังไม่อนุมัติโครงการแจกเงิน 10,000 บาทเฟส 2 โดยต้องขอตรวจความรอบคอบในเรื่องกฎหมายก่อน เมื่อถามว่าที่บอกว่าติดเรื่องข้อกฎหมายนั้นติดขัดในส่วนไหน นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ขอพิจารณาข้อกฎหมายในรายละเอียดเพื่อให้เกิดความรอบคอบไม่ได้ติดเรื่องอะไร แต่เรื่องเนื้อความที่เขียนทางกระทรวงการคลังกำลังดูอยู่
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่า เงื่อนไขที่ติดอยู่ไม่ได้ติดขัดเรื่องของข้อกฎหมายแต่เป็นรายละเอียดที่ต้องดูเอกสารให้ครบถ้วน คาดว่าจะสามารถเสนอให้ครม. พิจารณาอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะแจกเงินได้ทัน 29 ม.ค.2568 แน่นอน
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังระบุว่าการที่วาระดังกล่าวต้องถอนออกจากที่ประชุมครม. ทั้งที่ถูกบรรจุเป็นวาระเพื่อพิจารณาในที่ประชุมครม.วันที่ 3 ธ.ค.2567 เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากถูกเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาทักท้วงให้ไปตรวจสอบข้อกฎหมายให้ชัดเจนก่อน ซึ่งรัฐมนตรีที่เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ก็ฟังแล้วไม่เข้าใจว่าเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นใด
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่วาระดังกล่าวจะถูกถอนออก กระทรวงการคลังได้เตรียมนำข้อเสนอ ให้ ครม.พิจารณา โดยระบุว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ ถือเป็นส่วนหนึ่งของกรอบหลักการในการดำเนินโครงการ Digital Wallet ตามติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 เม.ย.2567 โดยให้มีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของกรอบการดำเนินโครงการ เติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เฉพาะผู้มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป จากการสนับสนุนวงเงินสิทธิ์ 10,000 บาท สำหรับซื้อสินค้ากับผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ Digital Wallet เป็นการจ่ายเงิน 10,000 บาท โดยไม่กำหนดเงื่อนไขการใช้จ่าย
พร้อมกันนี้ จะขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ไม่เกิน 40,000 ล้านบาทมาดำเนินการ และให้กรมบังคับคดีกำหนดแนวปฏิบัติเพื่ออนุญาตให้บุคคลล้มละลายหรือถูกพิทักษ์ทรัพย์ เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารและถอนเงินเป็นกรณีพิเศษ เพื่อรับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ และเบิกถอนเงินดังกล่าวเพื่อใช้จ่าย
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกฤษฎีการะบุว่าการทักท้วงข้อกฎหมายให้ ครม.รับทราบนั้นคือเรื่องในกรณีที่กระทรวงการคลังเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณากำหนดให้โครงการดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของกรอบหลักการในการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 และนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภาไว้ และขอความเห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของกรอบการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet นั้น
เนื่องจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23เมษายน 2567 ที่ให้ความเห็นชอบหลักการของกรอบหลักการของโครงการเติมเงิน10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดในส่วนส่วนที่เกี่ยวข้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่งนั้น ยังไม่ปรากฏว่ามีการเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณารายละเอียดของโครงการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว และโดยที่โครงการฯ นี้มีรายละเอียดบางประการแตกต่างไปจากหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรอบการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ที่คณะรัฐนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567
นอกจากนี้การขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลางรายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ จำนวนไม่เกิน 4 หมื่นล้านบาท โดยจัดสรรให้แก่สำนักงานปลัดกระทรวงการคลังสำหรับการดำเนินโครงการฯ นั้นเป็นการขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลางที่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดในพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 และระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ พ.ศ. 2567 ซึ่งข้อ 5 กำหนดให้กระทำได้ในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้เป็นหน่วยงานดำเนินโครงการ และหน่วยรับงบประมาณต้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามโครงการที่ขอรับจัดสรร และเสนอเรื่องให้รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล หรือผู้ที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้กำกับดูแลโครงการ แล้วแต่กรณีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนส่งคำขอให้สำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาอนุมัติจัดสรรรงบประมาณให้แก่หน่วยรับงบประมาณต่อไป
นอกจากนี้ เนื่องจากกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการดำเนินการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ครั้งที่ 3 ในวันที่ 19 ธ.ค. 2567 ให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่ยังจ่ายเงินไม่สำเร็จตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ควบคู่กับการดำเนินการแก้ไขปัญหาการจ่ายเงินตามโครงการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 พ.ย.2567 จากการดำเนินโครงการหลายโครงการในช่วงเวลาเดียวกันจึงอาจเกิดความซ้ำซ้อนหรือความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้ จึงเห็นควรมอบหมายกระทรวงการคลังบริหารจัดการกลุ่มเป้าหมายของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอาย เพื่อให้ผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินตามโครงการที่พึงจะได้รับและมีให้เกิดความซ้ำข้อน รวมทั้งให้พิจารณากำหนดรายละเอียดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ในการดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ โดยไม่ขัดกับที่ ครม.ได้เห็นชอบไว้
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เรื่องโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุถูกถอนออกจากวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะมีการพิจารณา เนื่องจากนายกรัฐนตรีได้ให้ข้อสังเกตุการณ์ในข้อกฎหมายบางประการ และเงื่อนไขในการดำเนินการเฟสแรกมีข้อติดขัดใดบ้าง โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำกลับปรับมา มองว่าช้าดีกว่าต้องมาแก้ไขในภายหลัง โดยคาดว่าโครงการนี้จะเสนอครม. ภายในสัปดาห์หน้า
แหล่งที่มา: https://www.siamnews.com/view-123935.html?fbclid=IwY2xjawG84VhleHRuA2FlbQIxMAABHZz8hqysJfvDnpGu1A90bYk4Dh87-ehCr-Zf3ZwA6jaNc0YWmnk79s3hlw_aem_7mTPDJLMrKVIprGJrDxqRA
รถยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนดี? 10 อันดับรถยอดฮิตปี 2024′

ในปี 2024 หลายๆคนได้ฤกษ์ออกรถคันใหม่ และหลายคนอาจจะกำลังหาข้อมูลเพื่อเลือกรถยนต์ที่ตรงใจเรามากที่สุด ซึ่งต้องบอกเลยว่า รถยนต์ใหม่ในปัจจุบัน มีตัวเลือกหลากหลายมาก
วันนี้ Priceza Money เลยถือโอกาสมาแนะนำ รถยนต์ยอดฮิตที่เข้ามาเปรียบเทียบประกันรถยนต์กับเรามากที่สุด จากสถิติรุ่นรถที่เก็บข้อมูลในทุกๆปีของเรา เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพว่าคนไทยส่วนใหญ่ ใช้รถยนต์ยี่ห้อไหน รถเก๋งยี่ห้อไหน? หรือ รถกระบะอะไร? กับ 10 อันดับรถยอดฮิตในเว็บ Priceza Money มาดูกันเลย!
อันดับ 1 ISUZU D-MAX
รถยนต์ที่มีสถิติเข้ามาเปรียบเทียบประกันกับ Priceza Money เป็นอันดับ 1 และคาดว่าเป็นรุ่นรถที่คนไทยเลือกใช้กันเยอะที่สุด ก็คือ ISUZU D-MAX นี่แหละครับ

แสดงให้เห็นว่าคนไทยทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เลือกใช้รถกระบะในชีวิตประจำวันกันไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป หรือ จะเป็นการใช้งานเพื่อธุรกิจก็ตาม
- ISUZU D-MAX ปิคอัพ 2 ประตู ราคาเริ่มต้นที่ 650,000 บาท
- ISUZU D-MAX ปิคอัพ 4 ประตู ราคาเริ่มต้นที่ 731,000 บาท
อันดับ 2 TOYOTA YARIS
หลายๆคนถามหารถเก๋งรุ่นไหนดี? ถ้านับเฉพาะรถเก๋งอย่างเดียว TOYOTA Yaris ถือเป็นรุ่นรถยอดฮิตอันดับ 1 ที่คนเลือกเข้ามาเปรียบเทียบผ่าน Priceza Money มากที่สุดครับ

ด้วยราคาที่ย่อมเยาว์ ประกอบกับเป็นรถของแบรนด์อันดับ 1 อย่าง TOYOTA ขายต่อมือสองราคาไม่ตกมาก อะไหล่ก็หาไม่ยาก ทำให้ TOYOTA Yaris เป็นตัวเลือกอันดับ 1 ในใจใครหลายๆคนครับ
- TOYOTA YARIS ATIV (Sedan) ราคาเริ่มต้นที่ 549,000 บาท
- TOYOTA YARIS (Hatchback) ราคาเริ่มต้นที่ 559,000 บาท
อันดับ 3 HONDA CITY
รถเก๋งอีกรุ่นที่ฮิตใกล้เคียงกับ TOYOTA Yaris แบบตามๆกันมาเลยก็คือ HONDA City นั่นเองครับ โดยมีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่เข้ามาเปรียบเทียบประกันรถยนต์กับ Priceza Money ครับ ไม่ว่าจะเป็นรถรุ่นเก่าหน่อยอย่างเครื่อง 1.5 CC และ รุ่นใหม่ที่เป็นเครื่อง Turbo 1.0 CC ก็ตามครับ

รถเก๋งอีกรุ่นที่ราคาย่อมเยาว์เหมาะกับคนที่พึ่งกำลังจะมีรถคันแรก ในวัยทำงาน แถมเครื่องยนต์ตัวใหม่ที่มีขนาดแค่ 1.0 CC ก็ส่งผลให้ภาษีรถยนต์ต่อปีไม่แพงด้วยนะ !
- HONDA CITY (Sedan) ราคาเริ่มต้นที่ 629,000 บาท
- HONDA CITY 2023 (Hatchback) ราคาเริ่มต้นที่ 599,000 บาท
อันดับ 4 MAZDA 2
รถเก๋ง eco car อีกรุ่นจากค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นที่เข้ามาขายในประเทศไทยก็คือเจ้า MAZDA 2 นี่เอง ที่มีคนเข้ามาเลือกเปรียบเทียบประกันรถยนต์กับเราเพียบ !

ห้ามพลาดที่จะไปลองขับรุ่นนี้เลยสำหรับสายสปอร์ต เพราะ MAZDA 2 ถือเป็นรถเก๋งที่มีความเท่แตกต่างจาก Yaris และ City ไปอีกแบบ
- MAZDA 2 (Sedan) ราคาเริ่มต้นที่ 599,000 บาท
- MAZDA 2 (Hatchback) ราคาเริ่มต้นที่ 599,000 บาท
เปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์
ยี่ห้อรถ รุ่นรถ ปีจดทะเบียน ชั้นประกัน เช็คราคา
ประกันรถยนต์
รวบรวมแผนประกัน และโปรโมชั่นจากหลากหลาย บริษัทประกันมาให้คุณเปรียบเทียบที่เดียว ไม่ต้องเข้าหลายเว็บ
- ราคา
- ความคุ้มครอง
- การผ่อน
สำหรับรถยนต์น้ำมัน 100% หรือที่เรียกว่ารถยนต์สันดาป เราอาจจะหยิบมาแนะนำเพียง 4 รุ่นที่ถูกเปรียบเทียบในเว็บมากที่สุดเท่านั้นครับ
เพราะในปี 2023 และ 2024 มีกลุ่มรถยนต์ที่เติบโตแบบก้าวกระโดดมากๆนั่นก็คือ ‘รถยนต์ EV’ หรือ ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ นั่นเองครับ เราเลยไม่อยากให้ทุกคนตกเทรนด์ นำรุ่นรถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดจดทะเบียนเยอะที่สุดในปี 2023-2024 มาให้ดูกันเพิ่มเติมด้วยครับ
*ส่วนใครที่อาจจะยังไม่เปิดใจกับรถยนต์ไฟฟ้า แต่อยากประหยัดเงิน ตอนท้ายเราแถม รถยนต์ HYBRID มาให้เป็นตัวเลือกเพิ่มเติมไว้แล้วนะครับ
อันดับ 1 รถยนต์ไฟฟ้า BYD DOLPHIN
เปิดตัวมาเมื่อกลางปี 2023 ที่ผ่านมาแต่มียอดจดทะเบียนมาถึงปี 2024 กว่า 10,000 คันเรียบร้อยแล้วครับ สำหรับรถเก๋งไฟฟ้าอย่าง BYD DOLPHIN

ด้วยตัวแบรนด์ใหญ่จากประเทศจีนอย่าง BYD จับมือร่วมงานกับดีลเลอร์อย่าง RÊVER Thailand ทำให้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทีเดียวเลยครับสำหรับเจ้า DOLPHIN คันนี้
*นอกจากรุ่น BYD DOLPHIN ที่ขายดีมากๆแล้ว ยังมีรุ่น BYD ATTO 3 (ราคาเริ่มต้น 1,099,900 บาท) และ BYD SEAL (ราคาเริ่มต้น 1,325,000 บาท) ที่เปิดตัวออกมาแล้วขายดีมากๆเช่นเดียวกันครับ
- BYD DOLPHIN (Standard) ราคาเริ่มต้นที่ 699,999 บาท
- BYD DOLPHIN (Extended) ราคาเริ่มต้นที่ 859,999 บาท
อันดับ 2 รถยนต์ไฟฟ้า NETA V
รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ถือว่าราคาย่อมเยาว์ที่สุดในเก๋งไฟฟ้าปีนี้ นั่นก็คือ NETA V นั่นเองครับ

อีกค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนอย่าง NETA ที่เปิดตัวเก๋งไฟฟ้าราคาดีมากๆสำหรับคนงบไม่เยอะ ราคาจับต้องได้ น่าใช้มากๆครับ
- NETA V (มีรุ่นเดียว) ราคาเริ่มต้นที่ 549,999 บาท
อันดับ 3 รถยนต์ไฟฟ้า ORA GOOD CAT
รถเก๋งไฟฟ้าที่เปิดตัวแรกๆก่อนค่ายอื่นๆ ทำให้ขายได้ค่อนข้างเยอะพอสมควรในปี 2022 ก่อนที่ค่ายอื่นๆจะเข้ามาทำตลาดตาม GWM ในภายหลัง ในปี 2023-2024 ก็ยังขายได้เรื่อยๆแต่อาจจะไม่ได้ดีเท่าตอนเปิดตัวแรกๆเพราะว่ามีคู่แข่งเยอะขึ้นนั่นเองครับ

รถเก๋งไฟฟ้าสุดน่ารักอย่าง ORA GOOD CAT ด้วยราคาหลักแสน และ ดีไซน์ที่ค่อนข้างน่ารัก จึงทำให้หลายๆคนเลือกใช้ครับ
- ORA GOOD CAT (PRO) ราคาเริ่มต้นที่ 799,000 บาท
- ORA GOOD CAT (ULTRA) ราคาเริ่มต้นที่ 899,000 บาท
อันดับ 4 รถยนต์ไฟฟ้า MG4
รถเก๋งไฟฟ้า 100% ดีไซน์เท่ๆ จากค่าย MG เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดของ MG ในปัจจุบันครับ ในปี 2023-2024 มียอดขายกว่า 5,000 คันเลยทีเดียว

โดยราคาค่าตัวยังไม่ถึงล้าน ทำให้เป็นรถที่อยู่ในกลุ่มที่ซื้อง่าย ราคาไม่แรง และสมรรถนะค่อนข้างดีเลยทีเดียวครับ
- MG4 (รุ่น D) ราคาเริ่มต้นที่ 869,000 บาท
- MG4 (รุ่น X) ราคาเริ่มต้นที่ 969,000 บาท

และสุดท้ายเผื่อใครยังไม่มั่นใจกับรถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือ EV ทาง Priceza Money ได้คัดเลือก รถยนต์ที่ใช้ทั้งน้ำมันและไฟฟ้า หรือ HYBRID มาให้ได้เลือกดูกันด้วยครับ
อันดับ 1 รถยนต์ไฮบริด TOYOTA YARIS CROSS
รถอีกรุ่นที่มีความประหยัด มากกว่ารถน้ำมันทั่วไป และที่สำคัญเป็นรถของ TOYOTA แบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งสำหรับราคาขายต่อมือสองอยู่แล้วด้วย

นอกจากนี้ยังสามารถมั่นใจได้ว่าการบริการและศูนย์ซ่อมค่อนข้างครอบคลุมภายใต้เครือ TOYOTA แถมราคายังไม่ถึงล้านด้วยครับ
- TOYOTA YARIS CROSS ราคาเริ่มต้นที่ 789,000 บาท
อันดับ 2 รถยนต์ไฮบริด HONDA CITY E:HEV
รถ HYBRID อีกรุ่นจากค่ายญี่ปุ่นยักษ์ใหญ่อย่าง HONDA นำเอารถยนต์ยอดฮิตอย่าง HONDA CITY มาอัพให้กลายเป็นระบบ HYBRID ใช้ชื่อว่า E:HEV

ราคาเริ่มต้นยังไม่ถึงล้าน แต่ก็เพิ่มราคาขึ้นมาจากระบบน้ำมันธรรมดาในหลัก 1-2 แสนบาทอยู่ครับ ต้องชั่งน้ำหนักกันว่าประหยัดน้ำมันมากพอที่จะจ่ายเพิ่มมั้ย
- HONDA CITY E:HEV (Hatchback) ราคาเริ่มต้นที่ 729,000 บาท
- HONDA CITY E:HEV (Sedan) ราคาเริ่มต้นที่ 769,000 บาท