น้ำท่วม 2 จังหวัด กระทบ 17,710 ครัวเรือน เร่งช่วยผู้ประสบภัย
วันที่ 13 พ.ย. 2567 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า จากอิทธิพลมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ในระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม-13 พฤศจิกายน 2567 เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 47 จังหวัด ได้แก่

เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ อุทัยธานี เลย อุดรธานี กาฬสินธุ์ หนองคาย นครพนม ขอนแก่น ชัยภูมิ มหาสารคาม นครราชสีมา บุรีรัมย์ บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุบลราชธานี ปราจีนบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา นครปฐม ปทุมธานี ระยอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต ยะลา นครศรีธรรมราช พังงา กระบี่ ตรัง สตูล และสงขลา
รวมพื้นที่ได้รับผลกระทบ 287 อำเภอ 1,320 ตำบล 7,035 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 268,261 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตรวม 57 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 28 คน
ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมวันนี้ในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ สุพรรณบุรี และพระนครศรีอยุธยา รวมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 11 อำเภอ 86 ตำบล 520 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 17,7.1 ครัวเรือน แยกเป็น
1. สุพรรณบุรี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภออู่ทอง อำเภอเมืองฯ อำเภอบางปลาม้า อำเภอสองพี่น้อง รวม 26 ตำบล 153 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,951 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
2. พระนครศรีอยุธยา เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางบาล อำเภอผักไห่ อำเภอเสนา อำเภอบางปะอิน อำเภอบางไทร อำเภอบางซ้าย และ อำเภอมหาราช รวม 60 ตำบล 367 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 9,750 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ได้ประสานจังหวัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน เพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
สำหรับพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วได้เร่งพื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่สภาพเดิมเพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ และระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป
แหล่งที่มา: https://www.mumkhao.com/view-34075.html
3 อันดับผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย

แสนสิริ
แสนสิริเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงโดดเด่นในประเทศไทย ดำเนินกิจการมากว่า 38 ปี จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2537 และมีโครงการชั้นนำกว่า 400 โครงการทั่วประเทศ
โดยจะมุ่งเน้นที่โครงการคอนโดมิเนียม ทาวน์เฮาส์ และบ้านเดี่ยว ซึ่งมีการออกแบบที่ดีเยี่ยมพร้อมเข้าอยู่ ก่อสร้างและมีการตกแต่งอย่างมีคุณภาพ และใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยมีช่องทางนำเสนอการขายและให้บริการแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่องผ่านการจัดการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท PLUS และบริษัทย่อยอื่นๆ
ตัวอย่างของแบรนด์ในเครือแสนสิริ ได้แก่: D Condo, The Base, Oka Haus, XT, The Line, The Monument, and 98 Wireless (อสังหาริมทรัพย์ระดับท็อปแบรนด์)
พฤกษา
พฤกษาเป็นบริษัทผู้พัฒนาที่มีชื่อเสียง โดยในระยะแรกมุ่งเน้นไปที่โครงการคอนโดราคาไม่แพง ทาวน์เฮาส์ และบ้านเดี่ยว ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พวกเขาได้ขยายกิจการสู่ตลาดอสังหาฯ ระดับหรูด้วยแบรนด์ ‘The Reserve’ รวมไปถึงโครงการอสังหาฯ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพและทรัพย์สินเชิงพาณิชย์ บริษัทเริ่มดำเนินการในปี พ.ศ. 2536 และพวกเขายังมีโครงการนอกชายฝั่งในอินเดียและมัลดีฟส์อีกด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทไทยไม่กี่แห่งที่ไปลงทุนในต่างประเทศ