ฟิล์ม รัฐภูมิ อ้างแค่เสนองานพีอาร์ รับผิดเองอ้างชื่อ หนุ่ม กรรชัย แจงทำไมเรียก 20 ล้าน เป็นเงินสด
ฟิล์ม รัฐภูมิ ยันจริงใจ เสนองานพีอาร์ รู้มีงบ 20 ล้านรีดทรัพย์ รับผิดเองอ้างชื่อ หนุ่ม กรรชัย
ฟิล์ม รัฐภูมิ – เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ศิลปินนักร้องชื่อดัง ได้เปิดใจในรายการคนดังนั่งเคลียร์ ที่ดำเนินรายการโดย อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ กรณีถูกโยงคลิปเสียงตบทรัพย์ผู้ต้องหาคดีดิไอคอนกรุ๊ป อ้างดีล 20 ล้าน ออกรายการโหนกระแส โดยมีการอ้างชื่อ หนุ่ม กรรชัย ด้วยนั้น
ฟิล์ม รัฐภูมิ ได้ถามขึ้นก่อนว่า เรื่องนี้จะเรียกว่าตบทรัพย์ได้ยังไง เพราะตนไม่รู้มาก่อนว่า เขา (ลูกค้าซึ่งคือทีมบอสดิไอคอนกรุ๊ป) ทำอะไรมาก่อน จู่ๆ เขาก็ติดต่อมาว่าจะทำพีอาร์กับบริษัทผม และมันก็จบไปแค่นั้น ซึ่งอย่างที่บอกตั้งแต่แรกว่าในวงที่คุย เขาเล่ามาเองว่าเขาไปออกรายการนั้นนี้ให้ Tie-in สินค้า ซึ่งตนก็ได้แค่นำเสนอ เพราะไม่ได้เป็นหนุ่ม กรรชัย หรือมีอำนาจอะไร ณ ตรงนั้น
กับประเด็นที่ในคลิปเสียงมีการอ้างชื่อ หนุ่ม กรรชัย และรายการโหนกระแสนั้น ฟิล์มกล่าวว่า
“ก่อนอื่นเลย ที่พี่หนุ่มด่าก็ถูกแล้ว ผมผิดจริงๆ เพราะผมไปอ้างเขาเพื่ออยากได้งาน ผมไม่รู้ว่ามีการอัดเสียง ในการคุยกัน เราทำบริษัทพีอาร์ เราก็สำเร็จเป้าหมายที่จะให้เขามา declare ตัวเอง ซึ่งจะ declare สำเร็จไหมไม่ได้ขึ้นอยู่กับฟิล์ม เพราะเขา (ดิไอคอนกรุ๊ป) มั่นใจมากว่าเขาไม่ผิด ผมก็ยังไปออกรายการพี่หนุ่มเลย เรารู้ข้อมูลพร้อมๆ กับประชาชน และผมก็ไม่ได้งานแค่นั้นเอง”
ศิลปินดังยอมรับว่าผิดจริงที่เอ่ยชื่อ หนุ่ม กรรชัย และต้องปรับปรุงตรงนี้ แต่ยืนยันว่าที่คุยกับลูกค้ากลุ่มนี้ เพราะเห็นว่าไปออกมาแล้วหลายๆ รายการ ก็คิดว่าเขามีหลักฐาน คิดว่าแผนที่เขาทำมามันดี ตนก็จะทำมาร์เก็ตติ้งให้อีกเพื่อให้เขาได้ declare ตัวเอง
Advertisement
ส่วนประเด็นเรื่องรีดทรัพย์ ยืนยันว่า “ไม่มีครับ ไม่มีการรีดทรัพย์อะไรเกิดขึ้นเลย เขามีงบประมาณนี้อยู่แล้ว ถ้าจะรีดทรัพย์ต้องมีกรรโชก ข่มขู่ ผมไม่ได้ทำ และเงิน 20 ล้าน เขาเป็นคนเสนอเอง ซึ่งในที่สุดแล้วผมไม่ได้รับงานนี้ ไม่ได้รับเงินจำนวนนี้ และไม่ได้รับงานด้วย ไม่รู้ว่าใครได้รับงานไป”
ฟิล์มกล่าว และว่า “ผมรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อยากได้งานเลยเอ่ยชื่อพี่หนุ่ม และได้ขอโทษไปแล้ว ยืนยันว่าถ้าผมรู้นะว่าเขามีแอบแฝงธุรกิจแบบนี้ ผมไม่ช่วย ผมไม่ทำ ไม่เอาชื่อเสียงที่สร้างมาไปแลก”
ส่วนใครจะมองว่าแก้ตัวไหม ฟิล์มเปิดใจว่า “ก็แล้วแต่คนคิด ไม่มีใครมองว่าเราถูกหมดหรอกครับ
ผมยินดีรับผิดชอบทุกคำพูด”
โดยผู้ดำเนินรายการถามว่าก่อนหน้านี้มีข้อครหาเรื่อง Forex 3D ที่ฟิล์มไปช่วย ซึ่งฟิล์มกล่าวว่า เป็นแค่การรับงานพีอาร์ ตนทำบริษัทรับสร้างเกม ก็มีการจ้างงานเหมือนครั้งนี้ ที่อ้างว่าไปวิ่งเต้นไม่จริงแน่นอน เป็นกระแสที่สร้างขึ้นมาให้เห็นว่าตนไปวิ่งเต้นได้ แต่ยืนยันไม่ได้เอาตัวเองไปแลก หรือไปอยู่จุดๆ นั้นแน่นอน
ฟิล์ม รัฐภูมิกล่าวอีกว่า เมื่อวานพี่หนุ่มก็โทรศัพท์มา ก็รับฟัง รู้สึกผิดจริงๆ เขาก็ด่าเหมือนในรายการ ผมก็ไม่ควรเอาชื่อเสียงพี่เขามาเลย ผมก็ขอโทษไม่ได้มีเจตนาทำให้เขาเสีย แต่ผมไปหลงเชื่อคนกลาง อยากได้งานก็เท่านั้นเอง ยอมรับว่าพี่เขาก็ไม่รู้เรื่อง ก็เสียใจว่าทำไมเอาชื่อเขาไปอ้าง ผมก็ไม่มีเจตนา ก็ขอโทษ เขาก็คงเสียใจ เพราะเป็นพี่น้องในวงการกัน ที่เขาด่าในวงการก็น้อมรับ จะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น
ฟิล์ม รัฐภูมิกล่าวว่า อยากบอกว่าได้พูดความจริงไปหมดแล้ว เกิดก่อนกระบวนการที่เขาจะเป็นผู้ต้องหา เป็นแค่บริษัทไปเสนองานพีอาร์ ก็ไม่ได้รับงาน มีแค่นี้ ส่วนที่อ้างพี่หนุ่มก็ไม่ได้เจตนา ขอโทษ แค่อยากให้ไปออกรายการเพื่อเคลียร์ตัวเอง ที่ว่ามาก็น้อมรับ ผิดที่ไปฟังคนกลาง บอกให้ช่วยทำพีอาร์ เขามีงบให้เท่านั้นเท่านี้ ก็มีเท่านี้ ทั้งหมดทำเพราะอยากได้งานเท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า ทำไม 20 ล้านต้องรับเงินสด ฟิล์ม รัฐภูมิกล่าวว่า คนกลางบอกมา บอกให้พูดราคานี้เพราะคุยกันมาแล้ว ก็เหมือนเขาไปจบกันมา ผมก็พูดในราคาที่เขาต้องการ
เมื่อถามว่า ทำไมไม่ออกโหนกระแส ฟิล์มระบุว่า ออกได้ ไม่ติดอะไร แต่ไปทำให้พี่หนุ่มลำบากใจขนาดนั้น เขาก็ว่าเรามาขนาดนี้ ถ้าเราไปนั่งตรงนั้น ผมเป็นพี่หนุ่มก็โมโห ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้มีเจตนา เรื่องดังกล่าวเกิดก่อนที่พวกเขาจะโดนคดี ถ้ารู้ก่อนก็ไม่เข้าไปยุ่ง คือคนกลางสกรีนมาไม่ดี ผมก็ประมาท ที่ไปรีบรับงานมาเอง
แหล่งที่มา: https://www.matichon.co.th/entertainment/news_4894818
TOP 10 อสังหาฯ ไทย ทำกำไรสูงสุด แสนสิริ โกยมากสุด ขณะ 14 บริษัท ขาดทุน สต๊อกรวมท่วม 6.3 แสนล้าน
- อันดับ 1 : แสนสิริ 3,110 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น)
- อันดับ 2 : เอพี 3,022 ล้านบาท (ลดลง)
- อันดับ 3 : ศุภาลัย 2,824 ล้านบาท (ลดลง)
- อันดับ 4 : แลนด์แอนด์เฮ้าส์ 2,806 ล้านบาท (ลดลง)
- อันดับ 5 : ออริจิ้น 1,915 ล้านบาท (ลดลง)
- อันดับ 6 : พฤกษา 1,730 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น)
- อันดับ 7 : คิวเฮ้าส์ 1,261 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น)
- อันดับ 8 : เอสซี แอสเสท 1,134 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น)
- อันดับ 9 : เฟรเซอร์ส 714 ล้านบาท (ลดลง)
- อันดับ 10 : แอสเซทไวส์ 531 ล้านบาท (ลดลง)

ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องจับตาดู คือ จำนวนสต๊อกที่อยู่อาศัยคงเหลือ และหน่วยที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกเป็นจำนวนมาก โดยนับรวมจากทั้ง 38 บริษัท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 อยู่ที่ 638,860 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.96% จาก 626,535.06 ล้านบาท จากสิ้นไตรมาสแรกที่ผ่านมา สต๊อกมากสุด นำโดย บมจ.แสนสิริ, ศุภาลัย, เอพี, แลนด์แอนด์เฮ้าส์, เอสซีฯ และพฤกษา เป็นต้น