อ้าว! อัจฉริยะลั่นล็อตเตอรี่ 30 ล้าน ไม่ใช่ของครูปรีชาและหมวดจรูญทั้งคู่
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. เวลา 10.00 น. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญา เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อยื่นหนังสือถึง พลตำรวจตรีประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ให้ตรวจสอบกรณีที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เคยแถลงข่าวให้ตรวจสอบข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ให้การช่วยเหลือผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจโทรคมนาคมแห่งหนึ่ง ในการเปลี่ยนแปลงสูติบัตร และบัตรประชาชน แต่ต่อมาเรื่องก็เงียบไป นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า
วันนี้ตนเดินทางมาร้องเรียนให้ บก.ปปป. ตรวจสอบกรณีที่ ทนายตั้ม เคยแถลงข่าวเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2566 ว่ามีผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจโทรคมนาคมแห่งหนึ่ง แก้ไขสูติบัตรและบัตรประชาชน เพื่อต่ออายุข้าราชการ จากเดิมต้องเกษียณปี 2567 แต่เมื่อแก้ไขแล้วจะเกษียณปี 2568 ซึ่งผู้บริหารคนนี้มีผลประโยชน์ในการเซ็นอนุมัติโครงการ มูลค่า 50 ล้านบาทขึ้นไป รวมถึงยังมีสวัสดิการต่างๆ จำนวนมาก
ซึ่งหลังจากทนายตั้มออกมาแถลงข่าวได้เพียง 2 วัน เรื่องก็เงียบไป จึงต้องการให้ตรวจสอบว่า ข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นอย่างไร ถ้าผิดก็ต้องมีการดำเนินคดี “ตนมองว่า หลังการแถลงข่าวเปิดโปง แล้วการที่เรื่องเงียบไปนั้น มีความไม่ชอบมาพากล สงสัยว่าจะมีการพูดคุยกันเพื่อปิดจ๊อบหรือไม่ และปัจจุบัน ข้าราชการคนดังกล่าวก็ยังทำงานอยู่ไม่โดนอะไรเลยซึ่งเป็นเรื่องแปลก จึงต้องการให้ตรวจสอบ” นายอัจฉริยะ กล่าว นายอัจฉริยะ ยังได้กล่าวถึงคดีของทนายตั้ม ที่ถูกจับดำเนินคดีเงิน 71 ล้านบาทว่า เรื่องนี้ยังไม่จบ เพราะยังมีคนที่เกี่ยวข้องอีกในเรื่องของเงิน 39 ล้าน ที่ต้องถูกดำเนินคดี และเชื่อว่าจะมีการออกหมายจับเร็วๆ นี้อีกหลายคน ตามเส้นทางการเงินที่ตำรวจจะตรวจพบ และตนขอไม่ฝากอะไร เพราะทนายตั้มเขาเก่งอยู่แล้ว
ส่วนการที่ทนายตั้ม จะไม่ขอประกันตัวนั้น นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่ามี 2 นัย นัยแรกคือ ไปรู้ความลับของผู้ใหญ่มาก คงกลัวว่าตัวเองจะไม่ปลอดภัย นัยที่ 2 คือ ให้ภรรยาใช้สิทธิประกันตัว แต่ตัวเองเข้าคุก ก็เพื่อให้ภรรยาไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานแทน ไปข่มขู่พยานได้ โดยจะอ้างเหตุผลที่ต้องการประกันตัวว่าลูกยังเล็ก หรืออาจจะทำให้เจ๊อ้อยเกิดความสงสาร แล้วถอนแจ้งความ ก็เป็นไปได้ทั้งหมด สำหรับพยานหลักฐานที่ตนมี จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ไม่เข้าไปก้าวล่วงในสำนวน แต่วันนี้ได้มีการประสานไปยังบ้านพระอาทิตย์ เพื่อขอให้มีการสอบพยานสำคัญ 1 ปาก ที่จะทำให้เจ๊อ้อยได้ประโยชน์ ซึ่งพยานคนนี้เป็นนักวิชาการคนหนึ่ง
สำหรับที่มีคนบอกว่าตนคบไม่ได้เพราะก่อนหน้านี้ไปจับมือคืนดีกับทนายตั้มนั้น นายอัจฉริยะ มองว่า ปากคนจะพูดอะไรก็ได้ แต่ตนแค่ต้องการเอาความจริง มาเปิดให้สังคมทราบ ซึ่งตนจะทำอะไร ก็โดนด่าอยู่แล้ว ที่ผ่านมาก็โดนมาตลอดจะให้คนรัก ทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้
และต่อมาเพจ Amarin News ได้เผยข้อความว่า อัจฉริยะลั่นล็อตเตอรี่ 30 ล้าน ไม่ใช่ของครูปรีชาและหมวดจรูญทั้งคู่ มีการซื้อสำนวน ประกอบกับครูได้ทนายไม่ดีจึงแพ้ทางตั้ม

3 ยักษ์ใหญ่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ที่ยืนหยัดเหนือกาลเวลา
อันดับ 1 แสนสิริ ผู้ที่ทำกำไรสูงสุดใน ตลาดอสังหาฯ ไทย

แสนสิริ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2527 อายุรวม 39 ปี โดย กลุ่มจูตระกูล ปัจจุบันมีแบรนด์โครงการบ้านและคอนโดมิเนียมที่เป็นที่รู้จักมากมาย เช่น นาราสิริ,บูก้าน,เศรษฐสิริ,บุราสิริ,ฮาบิเทีย,สราญสิริ,คณาสิริ,KHUN,ชูช์,เวีย,เอ็กซ์ที,เอดจ์,เฮาส์,เดอะ ไลน์,เดอะ เบส,โฟล บายแสนสิริ
ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 แสนสิริ สามารถทำกำไรสุทธิได้ 3,202 ล้านบาท ทำให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนถึง 17.80 % มี มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 25,211 ล้านบาท และมี สินทรัพย์รวม 139,816 ล้านบาท
ผลประกอบการย้อนหลังของ แสนสิริ
- ปี 2563 รายได้ 34,891 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,673 ล้านบาท
- ปี 2564 รายได้ 29,747 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,017 ล้านบาท
- ปี 2565 รายได้ 34,973 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,279 ล้านบาท
- ปี 2566 รายได้ 17,477 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,202 ล้านบาท (งบ 6 เดือน2566)
ใครจะคิดว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของไทยในปัจจุบันอย่าง แสนสิริ เริ่มต้นจากบริษัทเล็ก ๆ ชื่อแสนสำราญ จำกัด เมื่อปี 2531 กับโครงการบ้านไข่มุก คอนโดมิเนียมริมหาดระดับตำนานของหัวหิน ที่ราคาต่อยูนิตเพียง 7 ล้านบาทเท่านั้น แต่กลับเป็นที่ต้องการของเศรษฐีในยุคนั้น

จากโครงการบ้านไข่มุกคือโครงการแฟล็กชิพแห่งแรกของแสนสิริที่เปิดตัวในปี 2531 ปัจจุบันแสนสิริมีมูลค่าโครงการรวมเพิ่มขึ้นกว่า 1,000% โดยราคาขายต่อยูนิตพุ่งสูงขึ้นจาก 7 ล้านบาท เป็น 80 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของแสนสิริที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ไทยได้ในเวลา 39 ปี
อันดับ 2 เอพี ไทยแลนด์ ผู้นำตลาดอสังหาฯ สวนกระแส

ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 เอพี สามารถทำกำไรสุทธิได้ 3,022 ล้านบาท ทำให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนถึง 16.05% มี มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 33,975 ล้านบาท และมี สินทรัพย์รวม 79,176 ล้านบาท
ผลประกอบการของ เอพี ไทยแลนด์
- ปี 2563 รายได้ 29,958 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,226 ล้านบาท
- ปี 2564 รายได้ 31,980 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,543 ล้านบาท
- ปี 2565 รายได้ 38,702 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,877 ล้านบาท
- ปี 2566 รายได้ 18,831 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,022 ล้านบาท (งบ 6 เดือน2566)
เอพี ไทยแลนด์ ผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์อีกเจ้าในไทย เวลานี้สวนกระแสตลาดที่ชะลอตัวในปี 2566 ด้วยแผนธุรกิจที่ดุดัน เปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุดในอุตสาหกรรม จำนวน 58 โครงการ มูลค่ารวม 77,000 ล้านบาท ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด
เอพี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2534 อายุรวม 32 ปี โดย คุณ อนุพงษ์ อัศวโภคิน ปัจจุบันมีแบรนด์โครงการบ้านและคอนโดมิเนียมที่เป็นที่รู้จักมากมาย เช่น บ้านกลางเมือง, บ้านกลางกรุง, GRANDE PLENO, THE CITY, CENTRO, ASPIRE, HYTHM และ LIFE ความสำเร็จของเอพี สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของผู้บริหารที่เชื่อมั่นในศักยภาพของธุรกิจและไม่ยอมแพ้ต่อความท้าทาย โดยนายอนุพงษ์ อัศวโภคิน เคยกล่าวไว้ว่า “ถ้าไม่แน่ ก็คงไม่กล้า”

สำหรับในครึ่งปีหลังบริษัทฯ เตรียมเปิดตัวอีก 40 โครงการใหม่ มูลค่ารวมประมาณ 55,940 ล้านบาท โดยเป็นทาวน์โฮม 19 โครงการ มูลค่า 19,550 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 14 โครงการ มูลค่า 24,750 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 8,300 ล้านบาท และต่างจังหวัด 4 โครงการ มูลค่า 3,340 ล้านบาท
อันดับ 3 แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ผู้ครองตลาด บ้านหรู ในไทย

ในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ไม่มีใครไม่รู้จัก “แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์” ผู้นำตลาดบ้านหรูระดับบนมาอย่างยาวนานกว่า 50 ปี ด้วยภาพลักษณ์ที่โดดเด่นและความเชื่อมั่นในคุณภาพ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จึงสามารถครองใจผู้บริโภคมาได้อย่างเหนียวแน่น แม้จะมีคู่แข่งหน้าใหม่เข้ามาท้าทายอยู่เสมอ
ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ สามารถทำกำไรสุทธิได้ 2,803 ล้านบาท ทำให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนถึง 7.95 % มี มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 90,220 ล้านบาท และมี สินทรัพย์รวม 128,422 ล้านบาท
ผลประกอบการของ ศุภาลัย เรียลเอสเตท
- ปี 2563 รายได้ 30,965 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7,144 ล้านบาท
- ปี 2564 รายได้ 33,031 ล้านบาท กำไรสุทธิ 6,936 ล้านบาท
- ปี 2565 รายได้ 36,482 ล้านบาท กำไรสุทธิ 8,312 ล้านบาท
- ปี 2566 รายได้ 14,036 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,803 ล้านบาท (งบ 6 เดือน2566)
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ก่อตั้งเมื่อ ปี 2516 อายุรวม 50 ปี โดย คุณ อนันต์ อัศวโภคิน เป็นที่รู้จักกันดีในนามของ “บ้านหรู สวยทุกหลัง ได้ของ เหมือนที่ตาเห็น” จากการนำเสนอโครงการบ้านหรูที่มีคุณภาพสูง ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุด และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าระดับบนอย่างแท้จริง

สำหรับโครงการที่ประสบความสำเร็จของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ได้แก่ โครงการบ้านนันทวัน โครงการบ้านมัณฑนา และโครงการบ้านลดาวัลย์ ความสำเร็จของ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ สะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยสำคัญหลายประการที่ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประสบความสำเร็จ ได้แก่ คุณภาพของโครงการ ที่ตั้งโครงการ และภาพลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ให้ความสำคัญมาโดยตลอด